วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

สาคูไส้หมู



 
สาคูไส้หมู สาคูไส้หมูมีรสชาติเค็ม หวาน และหอมกระเทียมเจียว เหนียวนุ่มจากตัวสาคูที่นึ่งจนสุกเข้ากันอย่างมากกับไส้ที่ผัดจนเข้ากันดี รับประทานคู่กับผักสดและพริกขี้หนู




สาคู ไส้หมูมีรสชาติเค็ม หวาน และหอมกระเทียมเจียว เหนียวนุ่มจากตัวสาคูที่นึ่งจนสุก
เข้ากันอย่างมากกับไส้ที่ผัดจนเข้ากันดี รับประทานคู่กับผักสดและพริกขี้หนู
           สูตรอาหารสาคูไส้หมู


• เวลาในการทำ 50 นาที
• ส่วนผสมสำหรับ 15-20 ลูก

  วัตถุดิบ

1. สาคูเม็ดเล็ก 250 ก.
2. น้ำร้อน 200 มล.
3. หมูสับ 50 ก.
4. ไชโป้วเค็มสับละเอียด 50 ก.
5. ถั่วลิสงคั่วป่นหยาบ 70 ก.
6. น้ำตาลปี๊ป 2 ชต.
7. น้ำปลา ½ ชต.
8. หอมแดงสับละเอียด 2 ชต.
9. กระเทียมเจียว 2 ชต.
10. น้ำมันถั่วเหลือง 3 ชต.
11. น้ำมันกระเทียมเจียว 3 ชต.
โขลกรวมกันให้ละเอียด
12. รากผักชี 1 ราก
13. กระเทียมปอกเปลือก 1 เม็ด
14. พริกไทยเม็ด 2 ชช.
ผักแกล้ม
15. ผักกาดหอม
16. พริกขี้หนูสวน
17. ผักชี


วิธีทำ 

1. เทน้ำร้อนลงในถ้วยสาคูและคนให้เข้ากัน จากนั้นใช้มือนวดให้แป้งสาคูเริ่มเหนียวจนสามารถปั้นได้ พักไว้
2. ตั้งกระทะให้ร้อนและเทน้ำมันลงไปผัดรวมกันกับรากผักชี กระเทียม พริกไทยที่โขลกไว้แล้ว จากนั้นเติมหอมแดงลงผัดให้หอม
3. เติมหมูสับลงไปผัดให้สุก ตามด้วยไชโป้วสับละเอียด น้ำตาลปี๊ป น้ำปลา ผัดด้วยไฟอ่อน 10 นาที จนส่วนผสมเริ่มแห้งค่อยเติมถั่วลิสงลงไปผัดให้เข้ากัน พักไส้ไว้ให้เย็น และปั้นเป็นลูกกลมขนาด 2 ซม.
4. ปั้นแป้งสาคูเป็นก้อนกลมขนาด 1 ½ นิ้ว กดให้แบนและวางไส้ลงตรงกลางแป้งสาคูหุ้มแป้งสาคูจนปิดไส้หมด
5. ต้มน้ำให้เดือดและนำลงนึ่ง 15 นาที ตักขึ้นคลุกในน้ำมันกระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมผักเคียงและโรยหน้าสาคูด้วยกระเทียมเจียว เป็นอันเสร็จ





ขอบคุณข้อมูลดีดีและภาพสวยๆ FoodTravel.tv

บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก Blueberry Cheesecake



บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก Blueberry Cheesecake ชีสเค้กที่ใส่บลูเบอร์รี่ แต่จากที่ปกติใส่ด้านบน ก็เปลี่ยนเป็นใส่ด้านล่าง เพื่อจะได้โชว์เนื้อ Cheesecake พระเอกของเราได้ เห็นแล้วยั่วน้ำลายได้ดีทีเดียว 





 วัตถุดิบ

ส่วนผสมสำหรับ 20 ชิ้นเล็ก หรือ 10 ชิ้นธรรมดา

1. ครีมชีส 450 กรัม
2. น้ำตาล 180 กรัม
3. โยเกิร์ต 80 กรัม
4. วนิลากลิ่น 1 1/2 ช้อนชา
5. ไข่ไก่ 5 ฟอง
6. ผิวเลม่อน 1/2 ลูก
7. บลูเบอร์รี่ 300 กรัม
8. เจลาติน 6 แผ่น
9. แป้ง Short pastry 1 สูตร




วิธีทำ


1.อุ่นเตาที่อุณหภูมิ185 องศาเซลเซียล
2. เริ่มทำตัวชีสเค้กด้วยการใส่ครีมชีสลงในชามผสม
3.ใช้พายยางคนพอให้เป็นครีม
4. ใส่น้ำตาลค่อยๆคนด้วยพายยางพอเข้ากัน
5. ใส่โยเกิร์ตคนเล็กน้อย
6. ใส่ไข่ กลิ่นวนิลา และผิวเลม่อน
7. คนพอเข้ากันด้วยพายยาง และเปลี่ยนเป้นใช้ตะกร้อ
8. ตีจนเป็นครีมเนียน
9. เทใส่ในโมลซิลิโคนที่พ่นสเปรย์ออยไว้
10. นำเข้าตู้เย็นจนแข็งไม่ติดนิ้วประมาณครึ่งถึง 1 ชม.
11. นำเจลาตินแผ่นแช่น้ำเย็น
12. นำบลูเบอร์รี่ใส่ในหม้อ ใส่เจลาตินที่ละลายนิ่มแล้ว
13. นำขึ้นตั้งไฟจนเข้ากันดี
14. พักจนเย็น
15. เทราดบนตัวชีสเค้กที่แข็งแล้ว นำเข้าตู้เย็นต่อประมาณ 15 นาทีจนเย็นเซ็ตตัว
16. นำเข้าเตาอบ เทน้ำใส่ถาดอบแล้ววางด้วยแม่พิมพ์ซิลิโคน (หล่อน้ำเข้าอบ)
17. อบประมาณ 35-45 นาที
18. เมื่ออบสุกนำมาพักบนถาดไว้แล้วเข้าตู้เย็น พักไว้ประมาณ 1 ชม. อย่างน้อยถ้าชิ้นเล็ก
19. นำออกมาแกะออกจากพิมพ์
20. นำมาวางบนแผ่น Short Pastry
21. จัดใส่จานเสิร์ฟ 



 





ขอบคุณข้อมูลดีีดีและภาพสวยๆ  FoodTravel.tv

ข้าวยำเกาหลี

  

ข้าวยำเกาหลี บิบิมบับ Bibimbap เมนูนี้คนไทยหลายๆคนรู้จักและชอบทานกันมากนั้นคือ ข้าวยำของเกาหลีนั้นเองครับ เมนูนี้หลายคนคิดว่าต้องทานที่ร้านเกาหลีเท่านั้น แต่วันนี้เราจะสาธิตให้ดูว่าจริงๆทำกินเองที่บ้านก็ได้ ไม่ยากเกินความสามารถครับ ที่สำคัญอยากทานกี่ชามก็ได้





   


 วัตถุดิบ

1. เนื้อวัวสไลด์หั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม
2. ถั่วงอกลวก
3. ไข่ไก่สด 4 ฟอง
4. ผักกาดหอมหั่นหยาบๆ
5. คะน้าลวก
6. ต้นหอมซอย
7. ขิงปั่น
8. เห็ดหอมหั่น
9. งาคั่ว
10. น้ำเชื่อม
11. ซีอิ๊วขาว
12. น้ำมันงา
13. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
14. เกลือ
15. สาลี่ปั่น
16. หอมใหญ่ปั่น
17. กระเทียมปั่น
18. โคชูจัง (ซอสพริกเกาหลี)
19. แครอทหั่นยาว
20. หัวไชเท้าหั่นยาว
21. น้ำมันพืช
22. งาขาวคั่ว
23. สาหร่ายแผ่นหั่น
24. ข้าวที่หุงเรียบร้อยแล้ว

 

วิธีทำ 

การทำไข่แดงและไข่ขาวสำหรับตกแต่ง

1. ทำการแยกไข่ขาวกับไข่แดงออกจากกัน ใช้ไข่ทั้งหมด 2 ฟอง
2. ใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อให้ไข่มีรสชาติ ตีให้เข้ากัน ทั้งไข่ขาวและไข่แดง
3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ใช้ไฟอ่อน เทไข่แดงลงไป ร่อนให้ทั่วกระทะ จนไข่แดงสุกจนทั่ว นำลงมาปล่อยให้เย็น
4. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ใช้ไฟอ่อน เทไข่ขาวที่ตีแล้วลงไป ร่อนให้ทั่วกระทะ จนไข่ขาวสุกจนทั่ว นำลงมาปล่อยให้เย็น
5. นำไข่แดงและไข่ขาวที่ทอดเรียบร้อยแล้ว มาหั่นจนได้ขนาดที่ต้องการตกแต่ง

การหมักเนื้อวัว

1. นำเนื้อวัวสไลด์ที่หั่นเป็นชิ้นเล็กเรียบร้อยแล้วใส่ลงชามผสม
2. ใส่หัวหอมใหญ่ปั่น 1 ชต. สาลี่ปั่น 1 ชต. ขิงปั่นเล็กน้อย กระเทียมปั่น 1/2 ชต. น้ำเชื่อม 1 ชต. ต้นหอมซอย 1 ชต. ซีอิ้ว 1 ชต. น้ำมันงานิดหน่อย คลุกส่วนผสมให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที

การเตรียมเครื่องเคียงต่างๆ

1. ตั้งกระทะ เปิดไฟแรง ใส่น้ำมันพืชและน้ำมันงาลงไปอย่างละ 1 ชช. นำหัวไชเท้าหั่นเส้นลงไป ใส่เกลือลงไปเล็กน้อยและกระเทียมปั่น ผัดจนหัวไชเท้าสุกดี นำลงมาพักไว้
2. ตั้งกระทะ เปิดไฟแรง ใส่น้ำมันพืชและน้ำมันงาลงไปอย่างละ 1 ชช. นำแครอทหั่นเส้นลงไป ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ผัดจนแครอทสุกดี นำลงมาพักไว้
3. นำเห็ดหอมใส่ชามผสม ใส่ซีอิ้วลงไป 1 ชช. น้ำมันงา 1 ชช. คลุกเคล้าให้เข้ากันดี ต้นซอยลงไปเล็กน้อย สำหรับคนที่ชอบหวาน ใส่น้ำเชื่อมลงไปเล็กน้อย นำไปผัดบนกระทะจนเห็ดหอมสุกดี แล้วนำลงไปพักไว้
4. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ผัดเนื้อวัวที่หมักไว้เรียบร้อยแล้ว ผัดจนเนื้อวัวสุกได้ที่ นำลงมาพักเอาไว้
5. นำถั่วงอกที่ลวกแล้วใส่ชามผสม ใส่กระเทียมปั่นเล็กน้อย เกลือ น้ำมันงา งาคั่ว ต้นหอมซอย อย่างละเล็กน้อย หมักส่วนผสมให้เข้ากันด้วยมือ แล้วพักเอาไว้
6. นำคะน้าลวกแล้วใส่ชามผสม ใส่กระเทียม ซีอิ้ว น้ำมันงา งาคั่ว ต้นหอมซอย อย่างละเล็กน้อย หมักส่วนผสมให้เข้ากันด้วยมือ แล้วพักเอาไว้
7. นำผักกาดหอมที่หั่นๆหยาบแล้วใส่ลงไปในชามผสม ใส่น้ำส้มสายชู 2 ชช. น้ำเชื่อม 1 ชช. คลุกผสมให้เข้ากัน

การทำน้ำจิ้มโคชูจัง

1. ใส่โคชูจังลงไปในชามผสม 2 ชต. สาลี่ปั่น 1 ชต. หัวหอมใหญ่ปั่น 1 ชต. กระเทียมปั่น 1 ชต. น้ำเชื่อม 1/2 ชต. น้ำมันงา 1 ชต.
2. ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี พักเอาไว้อย่างน้อย 10 นาที ก็จะได้น้ำจิ้มโคชูจัง

การทำข้าวยำ

1. นำข้าวที่หุงเรียบร้อยแล้วใส่ลงชามก้นลึก
2. จัดวางเครื่องต่างๆ ลงไปอย่างละเล็กน้อยให้สวยงาม
3. สุดท้ายนำไข่แดงสดที่แยกไข่ขาวออกไปแล้วมาใส่ไว้ตรงกลาง นำสาหร่ายมาใส่เพิ่มเติมและโรยงาลงไปเล็กน้อยบริเวณไข่แดง เพื่อความสวยงาม
4. เสริฟพร้อมน้ำจิ้มโคชูจังที่ปรุงรสไว้แล้ว
5. เวลารับประทานให้เอาน้ำจิ้มโคชูจังผสมลงไปในข้าวแล้วคลุกให้ทั่วก่อนรับประทาน

ข้อแนะนำ ถ้าไม่ทานเนื้อวัวสามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อหมูสไลด์แทน ได้ ไข่ไก่ที่นำมาใช้ต้องเป็นไข่ที่สดและไว้ใจได้เท่านั้น เพราะเราต้องกินไข่แดงสดๆ

 

ข้อแนะนำ

ถ้าไม่ทานเนื้อวัวสามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อหมูสไลด์แทน ได้ ไข่ไก่ที่นำมาใช้ต้องเป็นไข่ที่สดและไว้ใจได้เท่านั้น เพราะเราต้องกินไข่แดงสดๆ

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก 

-FoodTravel.tv  

-http://www.youtube.com/watch?v=CVVwEB6JbZs

วีดีโอการทำฉู่ฉี่กุ้งก้ามกราม

  



ขอบคุณข้อมูลจาก  http://www.youtube.com/watch?v=XxsQ7Ap0Kkk


ฉู่ฉี่กุ้งก้ามกราม


ฉู่ฉี่กุ้งก้ามกราม ฉู่ฉี่เป็นเมนูที่มีลักษณะคล้ายกับแกงเผ็ดแต่มีน้ำคลุกคลิก มีรสชาติเค็มและหวานแต่ไม่เผ็ดมากนัก จะใช้กุ้งหรือปลาเนื้ออ่อนเป็นวัตถุดิบหลักก็ได้แล้วแต่ความชอบ


 วัตถุดิบ

1. กุ้งก้ามกราม 4 ตัว
2. น้ำมันพืช 2 ชต.
3. กะทิ 200 มล.
4. แป้งทอดกรอบ 200 กรัม
5. ใบมะกรูด 5 ใบ
6. พริกชีฟ้าแดง 1 เม็ด
7. พริกแกงเผ็ด 1 ชต.
8. น้ำตาลทราย 1 ชช.
9. น้ำปลา 2 ชช.
10. น้ำมันปาล์ม 1 ลิตร
 



วิธีทำ

1. ผ่าครึ่งพริกชี้ฟ้า คว้านไส้ทิ้งจากนั้นซอยเป็นเส้นยาว ตามด้วยซอยใบมะกรูด พักไว้ก่อน
2. ตัดหนวดกุ้ง , ขาทิ้งไป แกะเปลือกกุ้งออก ใช้มีดกรีดหลังกุ้ง ดึงเส้นดำทิ้งไป
3. ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำกุ้งไปชุบแป้งทอดกรอบให้ทั่วทั้งตัว ทอดจนสีเหลืองทอง พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
4. ผัดพริกแกงกับน้ำมันให้พอหอม เติมกะทิลงไปผัดให้แตกมัน
5. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย , น้ำปลา ผัดจนกระทั่งงวด
6. จัดเรียงกุ้งใส่จาน ราดด้วยน้ำพริกแกงที่ผัดไว้แล้ว โรยหน้าด้วยใบมะกรูด
,พริกชีฟ้า , และกะทิสดนิดหน่อย เป็นอันเสร็จ
 



  



   

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก  Food Travel.tv 

อาหารไทยโบราณ 

ประวัติอาหารไทย

อาหารไทยเป็นอารหารที่อร่อยน่ารับประทาน  ถูกปากคนทั่วประเทศและอาหารไทยยังมีประโยชน์มากมาย ช่วยทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรงโดยใช้วัสดุทางธรรมชาติ
พริก แห้ง กุ้งแห้ง น้ำปลา กะปิ ส้มมะขาม กระเทียม หัวหอมตลอด จนปลาบ้าง รวมทั้งส่วนประกอบอาหาร
จำพวกผัก และเนื้อสัตว์นานาชนิด เพราะมีวิธี
นำมาประกอบที่มีด้วยกันหลายรูปแบบไม่ ว่าจะเป็น
แกง ต้ม ผัด ยำ รวมทั้งอาหารไทยได้รับอิทธิพลใน
การปรุงอาหารรวมทั้งรูปแบบในการรับประทานอาหาร
ตั้งแต่ อดีต อาทิการนำเครื่องเทศมาใช้ในการประกอบ
อาหารก็ได้รับ อิทธิพลมาจากเปอร์เชียผ่านอินเดีย
เครื่องเทศ
หรืออาหารจำพวกผัดก็ได้ รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน เป็นต้น เมนูอาหารไทยที่ขึ้นชื่อลือชาหลายชนิดจึงประกอบไปด้วยอาหารมากมายกว่า 255 ชนิดอาหารไทยถือว่ามี
ีลักษณะพิเศษ   เนื่องจากประเทศไทยเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ มีอาหารตามธรรมชาติที่มีพิเศษ
ตามภูมิอากาศ  และภูมิประเทศที่หลากหลายตลอดทั้งปีรวมทั้งคนไทยมีศิลปะอยู่ใน
สายเลือดอยู่แล้ว    จึงแสดงออกซึ่งศิลปะวิทยาของคนในรูปแบบการปรุงแต่งและการกิน
อาหารที่มีลักษณะเฉพาะ   ตั้งแต่เรื่องการผสมกลมกลืนในการปรุงแต่งรูป  รส  กลิ่น
ให้กลมกล่อมอร่อยและรสจัดอย่างโดดเด่นเป็นพิเศษ
       
      ตัวอย่างอาหารไทย

กะปิคั่ว...หลนกะปิ


 photo kapi1_zps1f2d4e65.jpg

เครื่องปรุง 

ตะไคร้ซอย ๒ ชต
พริกแห้งเม็ดใหญ่แช่น้ำ ๑๐ เม็ด
หอมแดงซอย ๒ ชต
กระเทียมซอย ๑ ชต
กระชายซอย ๒ ชต
ปลาป่น ๑/๒ ถ้วย อันนี้ซื้อมาจากร้าน เป็นขวดจ้า
กุ้งแห้งป่น ๑/๒ ถ้วย เอากุ้งแห้งมาตำในครกหินแล้วเอาไปปั่น มันจะฟูฟ่อง
หัวกะทิ ๑ ถ้วย
หาง ๑/๒ ถ้วย
น้ำตาลปี๊บ ๓ ชต
กะปิ ๒ ชต

น้ำ ปลาไม่ใส่เพราะกะปิกับกุ้งแห้งก็เค็มพอแล้ว ส่วนผักเคียงแล้วแต่จะชอบกินกัน อะไรก็ได้ เพราะที่ต่างประเทศหาผักให้เหมือนบ้านเรายากมากค่ะ 



วิธีทำ

๑.เอาพริกแห้งมาตัดเป็นชิ้น แช่น้ำร้อน จะได้ล้างเชื้อราไปด้วยหากมี แช่จนนุ่มแล้วบีบน้ำออก เอามาโขลกกับเครื่องแกงต่าง ๆ ให้เข้ากัน 

๒. พอเข้ากันดีแล้วก็ใส่กะปิ โขลกให้เข้ากัน ตามด้วยกุ้งแห้งป่น ปลาป่น โขลกพอเข้ากันแล้วตักใส่ถ้วยพักไว้ 

๓. ตั้งกะทะหรือหม้อให้ร้อนปานกลาง เอาหัวกะทิลงเคี่ยวให้แตกมัน แต่กะทิที่แม่บุญใช้มันไม่ยอมแตกมัน ใช้ความร้อนสูงก็แล้ว ว่าแล้วก็จัดการใส่กะปิที่โขลกไว้ลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากันกับกะทิ ตั้งเคี่ยวไปให้มันลอยหน้า เป็นอันเสร็จ แต่ของแม่บุญไม่มีมันลอยสวยเหมือนต้นตำหรับ ไม่ว่ากันเนาะ 

๔. ระหว่างรอให้กะปิหลน กะปิคั่ว สุก ก็จัดการหาผักมาล้าง มาเตรียมไว้ ส่วนใครจะกินกับอะไร ก็ตามแต่ชอบอีกแหละ แม่บุญไม่มีปลาทู ไม่มีปลาอะไรสักอย่างนอกจากปลากระป๋อง เลยเอาไข่มาต้มเป็นยางมะตูม ตอนปลอกเปลือกไข่ ใจร้อนไปหน่อยเพราะหิวข้าวเลยติดเปลือกไม่สวยอย่างที่ต้องการ เลยไม่ให้เธอมาเข้าฉาก งานนี้ตัดเงินเดือน...ตัวเอง 

๕. ตักข้าวสวยร้อน ๆ ตักหลนกะปิ ใส่ลงไป เสริฟเข้าปาก...อร่อยเหาะ 



คัพเค้กโคน



คัพเค้กโคน Cupcake Cone คัพเค้กที่ทำออกมาหน้าตาเหมือนไอศกรีมโคน หน้าตาน่ารักน่าทาน เหมาะกับ Party เด็กๆ

  

   


สูตรขนมคัพเค้กโคน Cupcake Cone


ส่วนผสมสำหรับ: 6 ชิ้น
เวลาในการทำ: 2 ชม. (รวมเวลาในการทำเนื้อเค้ก)

อุปกรณ์

1. ถุงบีบหน้าเค้ก
2.พายยาง
3.ชามผสม
4.ตัวตัดคุกกี้วงกลม
5.มีด
6.ช้อน

ส่วนผสมคัพเค้กโคน Cupcake Cone

1. เนื้อเค้กจากสูตร Little Sweet Cupcake 1/2 สูตร
2. โคนไอศกรีม 6 โคน
3. เนยเค็ม 500 กรัม
4. น้ำตาลไอซิ่ง 300 กรัม
5. นมผง 2 ชต.
6. สีผสมอาหาร ตามชอบ
7. กลิ่นวนิลา 1 1/2 ชช.
8. ลูกกวาดตามชอบ (ตามชอบ)

วิธีทำคัพเค้กโคน Cupcake Cone

1. เริ่มเตรียมครีมด้วยการเทเนยอุณหภูมิห้องลงในชามผสม
2. ใช้ไม้พายยางคนจนเนยดูเป็นครีม
3. ใส่ไอซิ่ง นมผง และกลิ่นวนิลา คนจนส่วนผสมรวมเป็นเนื้อเดียว
4. ใส่สีตามชอบ ตักใส่ถุงบีบ
5. นำเนื้อเค้กที่เตรียมไว้มาตัดด้วยตัวตัดวงแหวนให้ได้ขนาดเท่ากับด้านในของ โคนไอติมและด้านบน เมื่อเตรียมครบทั้งหมดเริ่มประกอบเค้กโคน
6. ใส่ลูกกวาดตามชอบของด้านล่างสุด
7. ใส่ครีมลงไปพอทั่วก้นชิ้น
8.วางเค้กที่ตัดให้ได้ขนาดลงในชั้นล่าง
9. บีบครีมทับอีกชั้น
10. วางเนื้อเค้กชั้นบน
11. บีบครีมให้ทั่วตามชอบ
12.โรยเกล็ดน้ำตาล ช็อคโกแลตหรือลูกกวาด



 

 

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก Foodtravel.tv